รถเช่าในฝรั่งเศสและในยุโรป |
ปราสาท ที่นักท่องเที่ยวไปมากที่สุดในฝรั่งเศส chateau chenonceau (ปราสาท เชอนองโซ) รถเช่าในฝรั่งเศสและในยุโรป
ปราสาทช็องบอร์ ปราสาทที่สวยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 รองจากปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein) หรือปราสาทเจ้าหญิงนิทรา ที่เด็กๆรู้จักกัน ตั้งอยู่ที่บนฝั่งแม่น้ำลัวร์ ประเทศฝรั่งเศส โดยปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในใจกลางของป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมันถูกสร้างขึ้น ตามบัญชาของกษัตริย์ฟรองซัวร์ที่1 ระหว่างปีค.ศ. 1519-154 สร้างในสไตล์เรอเนซองส์แบบฝรั่งเศสโดยพระเจ้าฟรังซัวร์ที่ 1 หลังจากที่พระองค์ ด้ครอบครองเมืองมิลาน และได้เห็นสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์อิตาลี พระองค์จึงมีพระประสงค์ที่จะสร้างปราสาทให้เป็นที่อิจฉาของยุโรปในสมัยนั้น ที่มีลักษณะผสานระหว่างการก่อสร้างแบบยุคกลางของฝรั่งเศสกับสถาปัตยกรรมคลาสสิกของอิตาลีเป็นปราสาทที่ใหญ่สุดในบรรดาปราสาทต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำลัวร์ และยังเป็นปราสาทที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดปราสาทหนึ่งในโลก เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเอกแห่งยุคเรอเนสซองต์ ซึ่งปราสาทชองบอร์มีความสูง 156 เมตร โดยประกอบไปด้วย 426 ห้อง, บันได 77 บันได, เตาผิง 282 เตาผิง และงานแกะสลักต่างๆอีกกว่า 800 ชิ้น แต่เดิมนั้นปราสาทนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นเพียงตำหนักล่าสัตว์ของพระเจ้าฟร็องซัว เนื่องจากพระองค์ทรงโปรดการล่าสัตว์ จึงสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นในป่า เพื่อสะดวกกับการล่าสัตว์ บริเวณปราสาทจะมีกวาง หมูป่าเดินอยู่รอบ ๆ หลังจากสวรรคต ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างเป็นเวลากว่า 400 ปี |
ปารีส หนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้าน คนต่อปี ถนนของปารีสเต็มไปด้วยมรดกจากอดีตที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ หอไอเฟล, โบสถ์นอเทรอดาม, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ประตูชัยฝรั่งเศส, ซึ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งศิลปะ, ดนตรี, โรงภาพยนต์, แฟชั่น, หนังสือ, และสถาปัตยกรรมของปารีส ก็ยังเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลเดินทางมาเมืองปารีสตลอดเวลา กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก |
หอไอเฟลเป็นผลงานของวิศวกรชื่อว่า Gustave Eiffel สร้างขึ้นสำหรับงาน Universal Exhibition ในปี 1889 ตัวหอมีความสูง 324 เมตร และหนัก 7300 ตัน ปัจจุบันนี้ ภายในมีร้านค้า และร้านอาหารมากมาย ไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้ เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล |
ตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งนอมังดี แคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส สถานที่ตั้งของโบสถ์นับได้ว่าตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดตื่นตาน่าดูที่สุดแห่งหนึ่ง ของโลก เพราะตั้งอยู่บนเกาะหินเล็กๆ กลางทะเล
ตัวโบสถ์สร้างแบบศิลปะโกธิกที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ส่วนรอบๆ มีหมู่บ้านติดต่อกันไปตามแนวกำแพง ป้องกันข้าศึกที่จะมา จากทางบกและทางทะเล รวมทั้งเป็นการกันน้ำขึ้นน้ำลงซึ่งจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระหว่างทางขึ้นโบสถ์นั้นมีร้านค้า ที่พัก ภัตตาคาร และร้านขายของที่ระลึกไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการไปเยี่ยมชมมงต์ ชาน มิเชล นี้ ต้องไปตอนกลางวัน สาย ๆ หน่อย เพราะน้ำจะลงจนหมด และสามารถเดินขึ้นไปยัง โบสถ์ได้ ถ้าเป็นตอนกลางคืนและตอนเช้าๆ ยังเป็นเวลาน้ำขึ้น น้ำจะท่วมถนนและทางเข้าทั้งหมด ไม่สามารถเดินเข้าไปได้ ส่วนตอนเช้ามืด เวลาพระอาทิตย์ขึ้น จะมองเห็นมงต์ ชาน มิเชล สวยงามมาก ไม่ควรพลาดชมในช่วงเวลาต่างๆเพราะเราจัดให้ค้างคืนที่นี้อีกด้วย
|
พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในปฐพี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร เข้าชมความงามของพระราชวังภายในห้องต่าง ๆ อาทิ ห้องเทพเจ้าอพอลโล, ห้องเทพวีนัส, ห้องเทพไดอาน่า และห้องเดอะฮอลล์ออฟมิลเลอร์ แต่ละห้องของพระราชวังล้วนมีค่า ด้วยภาพเขียนสีแบบเฟรสโก้โดยช่างฝีมือเอกชาวฝรั่งเศสได้รับยกย่องให้เป็นพระราชวังที่งดงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และสวนของพระราชวัง ที่ได้ชื่อว่าสวยงามไม่แพ้กัน
|
เมืองประวัติศาสตร์แห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำลัวร์ทางตอนเหนือ และแม่น้ำแชร์ทางตอนใต้ "ลุ่มแม่น้ำลัวร์เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงแคว้นลัวร์ และเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศส คือ 1,013 กิโลเมตรหล่อเลี้ยงต้นองุ่นหลายร้อยตำบลในหลายแคว้น สองฟากฝั่งมีปราสาทหรือชาโตสำคัญของกษัตรย์ฝรั่งเศส และเชื้อพระวงศ์ที่สวยงามนับพันแห่ง ชมเขตเมืองเก่าอาคารส่วนใหญ่ในเมืองนี้จะเป็นสีขาวหลังคาน้ำเงิน กลางเมืองเป็นจตุรัสชื่อว่า Place Plumereau มีบ้านเรือนในยุคกลางซึ่งบางส่วนเป็นไม้ซุงมีร้านอาหารและผับตั้งเรียงราย ชมโบสถ์เซนต์มาร์ติน (Saint Martin Basilica) เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นเพื่อทุ่มเทให้กับเซนต์มาร์ติน (Saint Martin) บิชอปแห่งตูร์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1886 - 1924 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอไบเซนไทน์ (Neo-Byzantin) ออกแบบโดยสถาปนิก Victor Laloux ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น" อนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ " ในปี 1840 ชมความงดงามของ "วิหารตูร์" (Tours Cathedral) หรือ วิหารเซนต์ แกไทน์ (Saint-Gatien's Cathedral ) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic) ที่สร้างขึ้นเพื่อทุ่มเทให้กับนักบุญเซนต์ แกไทน์ (Saint Gatien) วิหารถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่าง 1170 - 1547 ตั้งอยู่ทางใต้สุดของสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของวิหารตูร์ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นในแบบศิลปะแบบกอธิค ต่อมาวิหารตูร์ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ในปี 1862
|
ปราสาทเชอนงโซ (Château de Chenonceau) สร้างบนฝั่งแม่น้ำแชร์และสร้างมาก่อนหน้าที่จะมีหลักฐานทางเอกสารเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 ออกแบบ โดยฟิลแบรต์เดอลอร์ม สถาปนิกเรอเนซองส์ ตระกูลเมเนียร์ (Menier) ลักษณะของสถาปัตยกรรมของเชอนงโซ เป็นแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมกอธิคและสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ตอนต้น ลานด้านหน้าวางแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ทำจากไม้แกะสลัก ด้านในเป็นชาเปล (Chapel) โดดเด่นด้วยหน้าต่างประดับกระจกสี, ห้องบรรทม, ห้องกรีน (Green) เป็นลักษณะศิลปะแบบกอธิคและเรอเนซองส์ ห้องรับรอง, ห้องบรรทมพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1, ห้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และห้องโถงตกแต่งด้วยเพดานโค้งสันที่มีหินหลักแยกจากกันเป็นเส้นขาด ถือว่าเป็นห้องที่แกะสลักที่สวยที่สุดห้องหนึ่ง ในการตกแต่งแบบเรอเนซองส์แบบฝรั่งเศส
|
บลัวส์ (Blois) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโกลเข้ามาอยู่เป็นยุคแรก ๆ เป็นเมืองหลวงของเขตลัวร์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ (Loire) เดินทางสู่ชองบอร์ดมหาปราสาทแห่งลุ่มน้ำลัวร์ มีแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศสคือ 1,013 กิโลเมตร สองฟากฝั่งมีปราสาทหรือชาโต (Chateau) ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ ในจำนวนทั้งหมดปราสาทชองบอร์ด (Chambord) นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักท่องเที่ยว พระเจ้าฟรอง ซัวส์ที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1519 หลังนำทัพไปชนะอิตาลีที่เมืองมิลาน เพื่อไว้รับรองพระสหาย และไว้เป็นที่ประทับเมื่อมาล่าสัตว์ เลโอนาร์โด ดาวินชี เป็นผู้ร่างโครงสร้าง (Drawing) และ Dominigue de Cortone สถาปนิกฝรั่งเศสและทีมงาน ได้นำเค้าโครงสร้างนี้ไปปรับปรุงเป็นแบบสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลาง สวนป่าที่มีอาณาเขตถึง 13,500 เอเคอร์ ไม้ที่ทำโครงและพื้นเป็นไม้โอ๊กจากป่าบริเวณปราสาท หลังคาและส่วนตกแต่งที่เลียนแบบจากหินอ่อน ด้านหน้าทางเข้าปราสาทเป็นลานกว้าง บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ฟรองซัวส์ที่ 1 ด้านหลังเป็นโบสถ์และที่ประทับของกษัตริย์ ทางขึ้นปราสาท ทำเป็นบันไดวน ออกแบบโดยดาวินชี มีช่องบันไดซ้อนกันอยู่ ทำให้ขึ้นและลงแยกจากกันได้เป็นอิสระ นำคณะชมส่วนที่เป็นชั้นล่างเป็น ห้องของพระเจ้า ฟรองซัวส์ที่ 1 มีภาพสีน้ำมันประดับอยู่มากมาย, ห้องเก็บราชรถของกษัตริย์หลายพระองค์ ที่เก็บรักษาอย่างดี ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปวัตถุต่างๆที่เคยถูกใช้ในปราสาทแห่งนี้ มีห้องบรรทมของกษัตริย์ ราชวงศ์ และผู้ติดตาม พร้อมห้องที่ใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ถัดขึ้นไปเป็นห้องของราชินี พร้อมภาพวาดที่วาดลงบนเนื้อไม้ ชั้นบนสุดเป็นระเบียง คล้าย ๆ ดาดฟ้า สามารถมองเห็นยอดปราสาทอย่างชัดเจนและสวยงาม
|
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะอันตั้งอยู่ในกรุงปารีส ที่มีชื่อเสียงที่สุดเก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมตั้งแต่ค.ศ. 1793 มีตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดง และเก็บรักษาผลงาน ทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antioch ในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
|
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า จิแวร์นี (Giverny) เพื่อเข้าชมบ้านโมเนต์ ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ที่โด่งดัง บ้านสองชั้นหลังนี้ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้นานาชนิด, ห้องและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในบ้านยังคงสภาพเดิม ห้องนั่งเล่น, ห้องนอนและห้องครัวขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ทำครัวครบครัน สะท้อนให้เห็นว่าโมเนต์เป็นคนพิถีพิถัน ไฮไลท์ของบ้านคือ สวนสวย 2 แห่งอยู่ในที่เดียวกัน สวนไม้ดอกคลาสสิคสไตล์ฝรั่งเศส "คลอส นอร์แมนด์" (Clos Normand) และสวนไม้น้ำ ขึ้นมาคู่กับสวนไม้ดอก เหมือนกับโมเนต์ตวัดปลายพู่กันลงบนผ้าใบ กลางสวนไม้น้ำมีสระบัวที่เป็นต้นกำเนิดของภาพเขียนชุดอันเลื่องชื่อ "Water Lilies" เงาสะท้อนบนพื้นน้ำในสระบัวเป็นสิ่งที่โมเนต์ชื่นชอบมาก
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น