วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

12 เทคนิคการทำ “ERROR IDENTIFICATION”

youtube                       google                         พสว                          สพม11
12 เทคนิคการทำ “Error Identification”
Untitled-1
            ความผิดพลาดเรื่องรูปคำกริยา (verb form) อาจเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1.1  Tenses   คือการแสดงเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 Tense
1.2  Subjects – verb agreement  การใช้คำกริยา ประธานและกริยาต้องสอดคล้องกัน เช่น                   Jane lives in China.
1.3  Finite ornon-finite verb      กริยาแท้และกริยาช่วยของประโยค
1.4  ใช้voice ผิด ได้แก่
Active Voice หมายถึง รูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยานั้น โดยตรง
Passive Voice หมายถึง รูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่น
1.5  ใช้คำกริยาผิดรูป เช่นใช้รูป v.2 แทน v.3 หรือในทางกลับกัน
 Examples :
1. Evidenceofthismay besawin theterrifyingfigures of family decomposition.
คำตอบที่ถูกคือ saw ต้องแก้เป็น seen เพราะ v.be+v.3 หรือ v.ing
2. One Sunday morning, a ministerwas toldcongregationthattheir church wasbadlyin need ofrepairs.
คำตอบที่ถูกคือ was told ต้องแก้เป็น active verb คือ told
Untitled-2
รูปคำ (word form) เป็นเรื่องที่ออกข้อสอบเป็นประจำอีกเรื่องหนึ่งความผิดพลาดทางไวยกรณ์        ที่นำมาทดสอบ               จะเป็นเรื่อง การใช้ part of speech ผิดที่หรือผิดชนิด กล่าวคือใช้ adjective แทนที่ adverb, ใช้ noun แทนที่ verb เป็นต้น  ซึ่งคำที่ถูกและคำที่ผิดนั้นจะมาจากรากศัพท์            คำเดียวกัน
ตัวอย่าง คำที่มาจากรากเดียวกันแต่ต่างกันที่ word form คือ beauty (n.),beautiful (adj.), beautifully (adv.).  หรือ long (adj.),lengthen (v.), length(n.) หรือ compare (v.), comparable (adj.), comparison (n.) ฯลฯ
Example :
1. Ina recorddive in his bathysphere, William Beebe was thefirst personto explorethe ocean at adeepof 3,028 feet.
คำตอบคือ a deep ต้องแก้ word form จาก a deep (adj.) เป็น a depth (n.) เพราะคำที่ตามหลัง preposition (ในที่นี้คือ at ) ต้องเป็นคำนาม
2. Psychologists generallyagreementthat acertainstimulus mustbe presenteach time                            a habitual action iscarried out.
คำตอบคือ agreement เพราะใน clause แรกนี้ยังขาดกริยา ดังนั้นจึงต้องแก้เป็น agree
*ตัวช่วยที่จะทำให้รู้ว่า choice แต่ละข้อเป็นคำชนิดใด ให้ดูที่
1. ตำแหน่งหรือหน้าที่ของคำๆนั้นในประโยค
2. ส่วนลงท้ายของคำ (suffix)
Untitled-3
การเลือกใช้คำ (word choice) เป็นหัวข้อที่นิยมออกข้อสอบมากเรื่องหนึ่ง                                   ประเด็นของความผิดพลาดเรื่องนี้ มักจะเป็นการใช้คำๆ หนึ่งแทนที่จะใช้อีกคำหนึ่งซึ่งถูกไวยากรณ์
Example :
1. One of London’smostbeautifulparksisHyde Parknearlythe Thames river.
คำตอบที่ถูกต้องคือ nearly ต้องแก้เป็น near
2. Modernpeople,aliketheir ancestors, are curiousaboutthenatureof the universe.
คำตอบที่ถูกต้องคือ alike ต้องแก้เป็น like
3. In muchof Alaska, thegrowingseason issuchshortthatcropscannot be raised.
คำตอบคือ such ต้องแก้เป็น so (so + adj. + that clause)
4. Evenduringeconomicbooms,there isa smallnumberof unemployment.
คำตอบ ต้องเปลี่ยน number เป็น amount เพราะใช้กับคำนามนับไม่ได้คือ unemployment
Untitled-4
ประเด็นของความผิดพลาดทางไวยกรณ์ในเรื่อง Parallellism คือ ใช้คำผิดชนิดหรือโครงสร้าง      จากสมาชิกอื่นๆในกลุ่มของมัน
Example:
1. Lumber from redwoodsis in great demandbecauseof itsstraight grain,attractivecolor, anddurable.
คำตอบที่ต้องการคือ durable ต้องแก้เป็น durability เนื่องจากคำในกลุ่มนี้เป็นคำนามทั้งหมด
2. Thebestwork is not alwaysdonebythose who workthefaster.
คำตอบที่ถูกต้องคือ faster ต้องแก้เป็น fastest สังเกตคำที่มาข้างหน้าคือ the best
3. Direct mail advertising servesto acquaintcustomers with product,alertthemto new opportunities, andpavingthe way forothersalesactivities.
คำตอบคือ paving เพราะใช้คำผิดโครงสร้างจากสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งเป็น infinite ทั้งหมด (to acquaint และ alert) สังเกตดูคำ alert
เป็น simple form ดังนั้นถ้าจะแก้ให้ถูกต้อง ต้องแก้ paving เป็น pave ซึ่งอยู่ในรูป simple form เช่นเดียวกัน
Untitled-5
ตัวเลือกที่ถูกต้อง ซึ่งแสดงความผิดพลาดในเรื่องของ conjunction อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใช้ correlative ผิดคู่ เช่น not only ……. But, both …….and,neither……nor, either …….or เป็นต้น
2. ใช้ conjunction ผิดตัว เช่น ใช้ who ในที่ที่ควรใช้ which, ใช้ and เชื่อมข้อความที่มีความหมายขัดแย้งกัน ใช้ but กับข้อความ ที่คล้อยตามกัน เป็นต้น
3. ใช้ preposition เช่น ใช้ during ในที่ที่ควรใช้ when, ใช้ because of แทน because เป็นต้น
Examples:
1. Inall this, both the United States,onone side,orSoviet Russia, on the otheraredeeply involved.
คำตอบที่ถูกต้องคือ or ต้องแก้เป็น and เพราะตัวข้างหน้า คือ both
2. Making sequences of symbols thatarenot significant butrigolouslylogicalisfar more difficultwithit sounds.
คำตอบที่ถูกต้องคือ with ต้องแก้ preposition with เป็น conjunctionthan ซึ่งแสดงการเปรียบเทียบขั้นกว่า
Untitled-6
อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใช้นามรูปเอกพจน์หลังคำต่อไปนี้คือ a couple (of), (a) few, anumber of, both, many, several, each of, one of, all (กับ นามนับได้), some (กับนามนับไม่ได้), these, those, etc. (นั่นแสดงว่าหลังคำที่กล่าวมาต้องใช้รูปพหูพจน์ จึงจะถูก)
2. ใช้นามพหูพจน์หลังคำต่อไปนี้ คือ a, an, amount of, ZaXlitt;e, a single,each, every, much, one, this, that, etc. (นั่น แสดงว่าหลังคำที่กล่าวมาต้องใช้รูปเอกพจน์จึงจะถูกต้อง)
3. นามนับไม่ได้ นามที่มีแต่รูปเอกพจน์ หรือนามที่มีรูปพหูพจน์พิเศษ นำมาเติม s เพื่อแสดงพหูพจน์ เช่น informations, furniture, golds, deers, teeths, childs,etc. (ต้องแก้โดยการ ตัด s ทิ้งทุกคำ และเปลี่ยน childsเป็น children)
4. ใช้รูปพหูพจน์ของนามประสม (compound noun) แบบผิดๆ เช่น detectives stories,toys stores, car races, three two- months courses, etc. (แนวคิดที่ถูกคือ คำนามตัวแรกทำหน้าที่ adjective จึงไม่มีรูปพหูพจน์อีกต่อไป เพราะไม่ใช่คำนาม ดังนั้นใน กรณีนี้เราต้องใช้รูปเอกพจน์กับนามตัวแรกทั้งหมด                    ดังนี้ detectivestories, toy stores, car races, three two-month
courses)
5. ใช้คำบอกจำนวนที่ควรเป็นพหูพจน์ในรูปเอกพจน์ เช่น hundred of, thousand of,million of (แนวคิดที่ถูกต้องในเรื่องนี้คือ คำบอก จำนวนที่ตามด้วย of จะเป็นคำนามพหูพจน์เสมอ ดังนั้นต้องแก้คำบอกจำนวนที่กล่าวมาเป็น hundreds of,thousands of, millions of ส่วนคำบอกจำนวนที่  ไม่ได้ตามด้วย of จะเป็น adjective จึงไม่มีรูปพหูพจน์เด็ดขาด เช่น three thousand men สังเกตให้ดีจะ เห็นว่า thousand ไม่ตามด้วย of จึงไม่มีการเติม s)
Examples :
1. At onetimemanypersonbelievedthat some forkedtwigs had supernaturalpowers.
คำตอบที่ถูกต้องคือ person หลังคำ many ตามด้วยนามพหูพจน์ จึงต้องแก้เป็น persons
2. Hundredof antibioticshave beendeveloped, butonlyabout 30 arein common use today.
คำตอบที่ถูกคือ Hundred ต้องแก้เป็น Hundreds
3. Doctorare discovering that there is astrongpsychologicalcomponent tochronicpain.
คำตอบที่ถูกคือ Doctor ต้องแก้เป็น Doctors สังเกตกริยาเป็นพหูพจน์คือ are
Untitled-7
ประเด็นเรื่อง ความผิดพลาดในการใช้ pronoun อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ความไม่สอดคล้องกันของคำนามและสรรพนาม
(จากทฤษฎี pronoun จะต้องมีคุณสมบัติเหมือน noun ที่อ้างถึงทุกประการ ถ้า noun เป็นเพศหญิง pronoun หรือ possessive adjective ที่แทนก็ต้องแสดงเพศหญิง ถ้าnoun เป็นเพศชาย pronoun หรือ possessive adjective ที่แทนก้ต้องเป็นเพศชาย เป็นต้น)
The girl has lost his keys in the pub. (แก้ his เป็น her)
Those menplanned to start his project on Monday. (แก้ his เป็น their)
2. ใช้รูป pronoun ผิดหน้าที่ กล่าวคือ ใช้รูปประธานแทนรูปกรรม เช่น ใช้ she แทน her, whom แทน who หรือใช้ possessive
pronoun theirs แทนที่จะใช้ possessive adjective their หรือในทางกลับกัน
3. ใช้ pronoun โดยไม่จำเป็น กล่าวคือมีประธานอยู่แล้วยังใช้ pronoun เป็นประธานซ้ำซ้อนอีก
Examples :
1. Charlie,whomwentout with Mr. Lee’s daughter lastnight, wasthe onlyheirofthe millionaire.
ตอบ whomต้องเปลี่ยน whom เป็น who เพราะสิ่งที่จามมาคือกริยา went ดังนั้นจึงต้องใช้ relative pronoun รูปประธาน
2. Almostall thereservedwaterwhichwasusedduring the summer.
ตอบ which ต้องตัด relative pronoun which ทิ้งไป เพราะประโยคนี้มีประธานอยู่แล้ว คือ                             the reserved water
3. The teacher wasjustlyannoyedbyhimwalking in lateanddisturbing the class.
คำตอบที่ถูกคือ him ต้องแก้เป็น his (adj.) เพื่อขยายคำนาม walking
Untitled-8
ตัวเลือกที่ถูกต้อง ซึ่งแสดงความผิดพลาดในเรื่องของ comparison อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใช้รูปเปรียบเทียบขั้นกว่า (comparative) แทนขั้นที่สุด (superlative)
2. ใช้รูปเปรียบเทียบที่ผิดกฎ
Examples :
1. Whensalmon in Washington State’s Puget Sound regionswimupriverto spawn, the Skagit River hosts thebiggerofall the runs.
คำตอบที่ถูกต้องคือ bigger ต้องแก้เป็น biggest เพราะมี the นำหน้าและ of all the runs แสดงการเปรียบเทียบที่เกกินจำนวนสอง
นั่นคือการเปรียบเทียบขั้นที่สุด
2. Hydrocarbon,toowell asmanyother organiccompounds,frequentlyform polymers.
คำตอบที่ถูกต้องคือ too ต้องแก้เป็น as ตามกฎระเบียบเปรียบเทียบที่เท่ากันใช้รูป as + adjective หรือ adverb + as
3. Natural micaofasuperiorquality ischeapesttoobtain than synthetic mica.
คำตอบที่ถูกต้องคือ cheapest จะเห็นคำว่า than อยู่ในประโยคนี้ ดังนั้นต้องมีการเปรียบเทียบขั้นกว่าแน่นอน ฉะนั้น cheapest จึงใช้ไวยกรณ์ผิดพลาด ควรแก้เป็น cheaper
Untitled-9
สำหรับข้อสอบ Error Identification ที่เช็คไวยกรณ์เรื่อง article นั้น ตัวเลือกที่มีความผิดพลาดทางไวยกรณ์ อาจมีลักษณะใด
ลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใช้ article a หน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เช่น a hour, a heir, aaunt, etc. (ต้องแก้เป็น anทั้งหมด)
2. ใช้ article an นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น an university, an unanimous decision, anhuman, etc. (ต้องแก้เป็น a ทั้งหมด)
3. ใช้ article ผิดชนิด กล่าวคือใช้ indefinite article (a,an) แทน definite article (the) หรือในทางกลับกัน
4. ใช้ article ในปริบทที่ไม่ควรใช้ หรือในที่ที่ควรใช้แต่ไม่ใช้ เช่น
Humans need the water. (ตัด the ทิ้ง เพราะกล่าวถึงนามนับไม่ได้ที่ไม่ชี้เฉพาะ ไม่ต้องมี article นำหน้า)
She likesto play violin. (ต้องใส่ the หน้าชื่อเครื่องดนตรี จึงต้องแก้เป็น the violin)
Eamples :
1. Longevityreferstothe spanoflife ofaorganism.
คำตอบที่ถูกต้องคือ a ถ้าจะให้ถูกไวยกรณ์ต้องแก้เป็น an เพื่อนำหน้าคำนามเสียงสระคือ organism
2. At endof the Civil War, the United Statewas readytoresume witharoaring surge the westward expansion which had beeninterruptedforfour years.
คำตอบที่ถูกต้องคือ At end ต้องแก้เป็น At the end เพราะเป็นการชี้เฉพาะ
Untitled-10
ประเด็นของ ความผิดพลาดเรื่องกริยาไม่แท้ (Verbal or non-finite verb) อาจเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งดังต่อไปนี้
1. ใช้ infinite แทนที่จะใช้ gerund หรือในทางกลับกัน
2. ใช้ present participle (v.-ing) แทนที่จะใช้ past participle (v.3) หรือในทางกลับกัน
3. ใช้รูป verbal แบบผิดๆ เช่น to introducing, towalking
4. ใช้ infinite หรือ gerund หลังคำกริยา (can, may, must,will. Etc.)เช่น can to go
Examples :
1. People complain that thecostsof campaigningaresohighthat only the rich can affordrunningfor office.
หลัง v. affordต้องตามด้วย infinite ดังนั้นคำตอบคือ running ซึ่งต้องแก้เป็น to run
2. The Bachelor Club,establishingin 1950,wasthe firstsportscenterforFrench bachelors in Florida.
คำตอบคือ establishing ต้องแก้เป็น established (v.3)
*NOTE :
1. Verbal ที่ตามหลัง preposition ต้องเป็น gerund (v-ing) เช่น without smiling
2. กรณี กริยาต้องการกรรม (transitive verb) มีรูป participle ให้เลือก 2 รูป จะใช้รูป present participle (v-ing) หรือ past
participle (v.3) ให้ดูคำที่ตามมา
• ถ้าตามด้วย by หรือ prepositionalphrase จะใช้ v.3 เช่น the bridge built by …….. established in 1950, etc.
• ถ้าตามด้วย noun จะใช้ v-ingเช่น building the house
Untitled-11
ประเด็นของความผิดพลาดที่ใช้ทดสอบเรื่อง preposition อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใส่ preposition เข้าไปในตำแหน่งที่ไม่ควรจะมี หรือ ตัด preposition ทิ้งในตำแหน่งที่ควรจะมี
2. ใช้ preposition ผิดตัว
Examples :
1. Einstein providesus, according to experts inphysics,withinsightsaboutthe universe.
คำตอบที่ถูกคือ about ต้องแก้เป็น into (insight + into)
2. Candlesweremankind’schief sourceofilluminationsinceat least 2,000 years.
คำตอบที่ถูกคือ since ข้อนี้ใช้ preposition ผิดตัว เราเห็นคำว่า 2,000 years แสดงระยะเวลา (period of time) ฉะนั้นต้องใช้ for
3. Someof themost ofspectacular waterfalls in the easterUnited Stateare foundin the Pocono MountainsofPennsylvania.
ข้อนี้ใช้ preposition ในที่ที่ไม่ควรใช้ คือ most ofต้องตัด of ทิ้งไป เพราะในที่นี้ต้องการแสดง                          การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด the most spectacular
Untitled-12
ลักษณะความผิดพลาดทางไวยกรณ์เรื่อง word order คือ มีคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป เรียงลำดับแบบสลับที่ผิดๆที่พบบ่อยๆใน ข้อสอบมีดังนี้
Examples:
1. Itestimated isthat only about thirty percent ofourplanet’ssurfaceconsistsof land.
คำตอบคือ estimated is ซึ่งมีการเรียงลำดับคำผิด ต้องแก้เป็น isestimated
2. About two thousandyears ago, Arabians in Persia began to craftclay pots,an innovationthat accompanied the appearance ofagriculturein thearea centralof the continent.
คำตอบคือ area central ซึ่งมีการเรียงลำดับคำผิด ต้องแก้เป็น centralarea (adjective ต้องอยู่หน้า noun)
3. Plutoniumisarare extremelyandpreciouselement.
คำตอบคือ rare extremely ซึ่งมีการเรียงลำดับผิด ต้องแก้เป็น extremelyrare (adverb ต้องอยู่หน้า adjective

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

10 ประโยคที่ไม่ควรพูดกับพ่อแม่...

10 ประโยคที่ไม่ควรพูดกับพ่อแม่...



1.พอแล้วๆ รู้แล้ว จู้จี้จริงๆ พูดอยู่นั่นแหละ!


2.มีอะไรอีกไหม ไม่มีอะไร จะวางสายละนะ!
(ที่พ่อแม่โทรมา ก็เพราะอยากจะได้ยินเสียงลูก อยากถามไถ่ความเป็นอยู่ อย่าได้เห็นเป็นเรื่องน่ารำคาญ ทีพูดกับเพื่อนกับแฟนยังพูดได้เป็นชั่วโมง)

3.พูดยังไงพ่อกับแม่ก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่ต้องถามแล้วนะ!

4.บอกพ่อกับแม่กี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำ ถึงทำไปก็ไม่เห็นจะดีอะไรเลย!
(พ่อแม่แก่เฒ่า มีใจแต่ไร้กำลัง แต่การที่พูดแบบไม่คิดอย่างนี้ กลับกลายเป็นการทำร้ายจิตใจของท่านแทน)

5.ความคิดแบบนี้มันโบราณไปแล้ว ยุคนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก!
(คำแนะนำของพ่อแม่อาจจะช่วยอะไรเราไม่ได้ แต่ทำไมเราไม่เปลี่ยนมาเป็นรับฟัง อย่างน้อยอาจมีสิ่งดีๆที่เราคาดไม่ถึง ออกมาจากประสบการณ์ของพ่อแม่ก็เป็นได้)

6.บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเข้ามาจัดห้อง เห็นไหมล่ะ! หาของไม่เจออีกแล้ว วันหลังไม่ต้องยุ่ง! (ห้องรก ต้องรู้จักจัดเก็บ ไม่จัดเก็บให้ดี ก็อย่าได้โทษพ่อกับแม่)

7.ผมรู้ว่าผมจะกินอะไร วันหลังไม่ต้องทำเผื่อ! (พ่อแม่เฝ้ารอคอยลูกๆกลับบ้าน ความรักความอาทรถูกเติมลงไปในอาหารที่ทำ จงรับเอาความห่วงหาอาทรนี้ไว้เถิด  อย่าทำร้ายน้ำใจของท่านเลย มีคนจำนวนเท่าไหร่ที่อยากทานอาหารที่พ่อแม่ปรุงให้ แต่ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว!)

8.บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากินของที่เหลือ บอกแล้วไม่รู้จักจำ
(พ่อแม่ประหยัดกินประหยัดใช้จนเป็นนิสัย บอกท่านทำให้น้อยลง ดีกว่าให้ท่านเป็นคนเก็บของเก่ามากินเอง)

9.ผมโตแล้ว ผมรู้ว่าผมจะต้องทำยังไง พูดอยู่ได้ รำคาญ!

10.ของเก่าๆพวกนี้เก็บไว้ทำไม รกบ้านเปล่าๆ ใช้การอะไรก็ไม่ได้!
(มันอาจจะไร้ค่าสำหรับเรา แต่มันอาจมีค่าสำหรับพ่อแม่ของแต่ละชิ้น ล้วนมีประวัติศาสตร์ เราไม่ดีใจเหรอ ของที่เราใช้ในตอนเด็ก วันนี้มันยังอยู่กับเรา?)

10 ประโยคนี้ เราอาจเคยพูดกับพ่อแม่ คุณๆทั้งหลายครับ อย่ารอจนถึงวันที่เรารู้คุณค่าแต่ท่านไม่อยู่เสียแล้ว...

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อาหารเป็นพิษโรคฮิตที่ต้องระวัง

อาหารเป็นพิษ โรคฮิตที่ต้องระวัง
อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญของการดำรงชีวิต แต่หากรับประทานอย่างขาดการระมัดระวังหรือรู้เท่าไม่ถึงการ ก็อาจเจอกับอาการของโรคอาหารเป็นพิษได้ โดยโรคอาหารเป็นพิษนี้ เกิดได้ในทุกฤดู กับอาหารและน้ำดื่มทุกประเภทที่มนุษย์รับประทานเข้าไป
สาเหตุของอาหารเป็นพิษพูดง่ายๆ ก็คือการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส  ตลอดจนการปนเปื้อนสารพิษทั้งพิษในทางธรรมชาติที่พบบ่อย เช่น เห็ดพิษ หรือสารพิษที่ปนเปื้อนในอาหารทะเล ตลอดจนสารเคมีต่างๆ เช่น สารหนู และสารโลหะหนักอื่นๆ เป็นต้น โดยความรุนแรงของอาการที่พบเมื่อป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษนี้แบ่งออกได้เป็นสองระดับง่ายๆ คือ
ระดับที่ไม่รุนแรง เป็นกลไกที่ก่ออาการท้องเสีย เรียกว่า Noninflammatory type ซึ่งเชื้อจะก่ออาการเฉพาะกับเยื่อเมือกบุลำไส้เล็กเท่านั้น ไม่เข้าสู่ร่างกาย อาการที่พบส่วนใหญ่มักจะท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ มีอาการปวดท้องแต่ไม่มาก ผู้ป่วยต้องระวังไม่ไปรับสารพิษเพิ่ม และดื่มน้ำบ่อยๆ เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำเยอะ
ส่วนอีกระดับหนึ่งจะรุนแรง เรียกว่า Inflammatory type อันเป็นกลไกหนึ่งที่มีอาการปวดท้องมาก ร่วมกับการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย อาจมีอาการรุนแรงเนื่องจากมีเชื้อโรคเข้าไปทำลายประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้ในที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคอาการเป็นพิษ ทุกคนจะต้องใส่ใจสุขภาวะของอาหาร และน้ำดื่ม ตลอดจนรักษาความสะอาดอื่นๆ ทั้งล้างมือให้สะอาด รักษาความสะอาดของภาชนะจาน ชาม เป็นต้น ทั้งนี้ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุก สะอาด วัตถุดิบที่เป็นของสดจะต้องสดใหม่ และหากไม่แน่ใจว่าเสียหรือมีเชื้อราขึ้นหรือไม่ ให้รีบทิ้งไปทันที อย่านำกลับมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะหากเจอเชื้อโรคที่รุนแรง อาจทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นโรคที่น่ากลัวกว่าที่คุณคิดก็เป็นได้

หลากวิธีสร้างความสดชื่นให้ร่างกาย

หลากวิธี สร้างความสดชื่นให้ร่างกาย
การดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับภารกิจต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ตื่นนอนอย่างงัวเงีย เดินทางไปเรียนหรือไปทำงาน ความกดดันจากหน้าที่ที่รับผิดชอบ ความเครียดจากสังคมโดยรอบ และความอ่อนล้าจากการใช้ชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่บั่นทอนพลังชีวิตของพวกเราให้อ่อนเปลี้ย เพลียแรง ไม่สดใส เพื่อเรียกคืนความสดชื่นให้กลับคืนมา วันนี้ผมมีวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลเป็นอย่างดียิ่งมาฝากกันครับ
เริ่มจากอาหาร ควรรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 แก้ว หรือมากกว่านั้น เพราะในผักและผลไม้มีน้ำตาลฟลุ๊กโตสที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ในทันที ตลอดจนยังอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปทั้งการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้เซลล์และอวัยวะในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และช่วยในการขับของเสียได้อีกด้วย
จากนั้นคือการออกกำลังกาย เป็นที่ทราบกันดีว่าการออกกำลังกายถือเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น ทุกๆ ครั้งที่ออกกำลังกาย ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาอีกด้วย จึงไม่แปลกที่เวลาเหงื่ออออกนิดๆ จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสดชื่นได้ เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อน ฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยธรรมชาติอย่างเต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า มนุษย์ควรได้รับนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง หรือหากทำไม่ได้ ควรจะหลับลึกให้ได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก็พอจะช่วยได้ครับ
นอกจากนี้ การรู้จักปล่อยวาง มองโลกในแง่ดี ยิ้มรับกับทุกวิกฤติปัญหา ก็ถือเป็นวิธีการสร้างความสดชื่นอีกวิธีการหนึ่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราสดชื่น สดใสเท่านั้น หากแต่ยังให้ผู้ที่พบเห็นพลอยสดชื่นตามเราไปด้วย

10 วิธีฝึกตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

1. ตามอ่านอะไรที่เราสนใจ
ตอนเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ เพราะโดนครูบังคับให้อ่านเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ลองเริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน กีฬา ดนตรี ข่าวซุบซิบดาราฝรั่ง หรือมุมขำๆในหนังสือพิมพ์ จำไว้เลยว่าไม่มีอะไรไร้สาระ เพราะเรากำลังเรียนรู้อยู่
2. ฟังวิทยุให้ชิน
การฟังวิทยุนั้นจะช่วยให้เราได้ฟังทั้งเสียงคนพูด รวมถึงเสียงร้องเพลง เป็นการฝึกหูในชินกับภาษาในหลายๆรูปแบบอีกวิธีหนึ่งด้วย
best-way-to-practice-english4
3. ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นภาษาไทย
การฝึกภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องอ่านหรือฟังแล้วแปลเป็นภาษาไทย อาจจะสงสัยว่าไม่แปลเป็นไทยแล้วจะเข้ะาใจยังไง การไม่พยายามแปลเป็นไทยจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
4. แปะกระดาษโน้ตบนสิ่งของต่างๆ
วิธีนี้จะเหมือนการเอาข้าศึกมาล้อมเมือง การแปะชื่อสิ่งของต่างๆที่เราใช้เป็นภาษาอังกฤษ ช่วยทำให้ชีวิตได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้มากขึ้น และเป็นการฝึกอ่านฝึกความเข้าใจไปในตัวด้วย
best-way-to-practice-english5
5. ดูทีวีและภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
การดูภาพ ฟังเสียง และอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยไปพร้อมๆกัน ช่วยฝึกประสาทการรับรู้ในหลายๆช่องทาง ซึ่งต่อไปก็สามารถเปลี่ยนจากซับไทย เป็นซับอังกฤษ ไปจนถึงขั้นปิดซับได้ในท้ายที่สุด
6. เล่นเกมที่ใช้คำภาษาอังกฤษบ่อยๆ
สมัยนี้มีเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน เราจึงสามารถหาแอพพลิเคชั่นเกมภาษาอังกฤษ เช่น Crosswords มาเล่นแก้เบื่อในยามว่างได้ ทีนี้ก็ลองเปลี่ยนจากแชทไลน์มาเป็นเล่นเกมแนวนี้แทน จะช่วยพัฒนาได้อีกทาง
best-way-to-practice-english2
7. ใช้คำต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีนี้หลายคนอาจจะมองดูว่ากระแดะหรือเปล่า? จริงๆแล้วเป็นเพียงการใช้คำให้ถูกกับภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยพยายามพูดอังกฤษบ่อยๆในศัพท์ที่ใช้ได้ เช่นเปลี่ยนคำว่ามือถือ เป็น Smart Phone เปลี่ยนคำว่า นาฬิกาปลุก เป็น Alarm เป็นต้น
8. ทำลิสต์ต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนนี้อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ถ้าเราลองลิสต์ต่างๆให้เป็นอังกฤษจะช่วยเราให้คุ้นเคยได้มากขึ้น อย่างเช่น ลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำพรุ่งนี้ ลิสต์ตารางไปเที่ยวพักผ่อน หรือลิสต์ของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
best-way-to-practice-english3
9. ลงทุนซื้อ Dictionary ดีๆสักเล่ม
นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพัฒนาภาษาไปได้ดีกว่า (สำหรับคนทุนน้อยจริงๆ ข้อนี้อาจจะข้ามไปได้บ้าง)
10. เราชอบอะไร ทำสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ความชอบ ความรัก มันทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้อย่างมีความสุขและไม่น่าเบื่อ ถ้าชอบทำอาหาร ก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าชอบเล่นกีฬาหรือดนตรี ก็ดาวน์โหลดวิดีโอการฝึกซ้อมแบบภาษาอังกฤษมาดู ถ้าชอบเล่นเกมก็ฝึกอ่านคู่มือเกมภาษาอังกฤษ เราก็จะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ

บัตรประชาชนของแต่ละประเทศทั่วโลก



Egypt

Zimbabwe

Bangladesh

China

Hong Kong

India

Indonesia

Japan

Malaysia

Myanmar

Singapore

Taiwan

Thailand

Vietnam

Belgium
Finland
France
Germany
Hungary
Poland
Romania
United Kingdom
Russia

Canada

United States

Australia

Brazil