วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อาหารเป็นพิษโรคฮิตที่ต้องระวัง

อาหารเป็นพิษ โรคฮิตที่ต้องระวัง
อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญของการดำรงชีวิต แต่หากรับประทานอย่างขาดการระมัดระวังหรือรู้เท่าไม่ถึงการ ก็อาจเจอกับอาการของโรคอาหารเป็นพิษได้ โดยโรคอาหารเป็นพิษนี้ เกิดได้ในทุกฤดู กับอาหารและน้ำดื่มทุกประเภทที่มนุษย์รับประทานเข้าไป
สาเหตุของอาหารเป็นพิษพูดง่ายๆ ก็คือการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส  ตลอดจนการปนเปื้อนสารพิษทั้งพิษในทางธรรมชาติที่พบบ่อย เช่น เห็ดพิษ หรือสารพิษที่ปนเปื้อนในอาหารทะเล ตลอดจนสารเคมีต่างๆ เช่น สารหนู และสารโลหะหนักอื่นๆ เป็นต้น โดยความรุนแรงของอาการที่พบเมื่อป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษนี้แบ่งออกได้เป็นสองระดับง่ายๆ คือ
ระดับที่ไม่รุนแรง เป็นกลไกที่ก่ออาการท้องเสีย เรียกว่า Noninflammatory type ซึ่งเชื้อจะก่ออาการเฉพาะกับเยื่อเมือกบุลำไส้เล็กเท่านั้น ไม่เข้าสู่ร่างกาย อาการที่พบส่วนใหญ่มักจะท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ มีอาการปวดท้องแต่ไม่มาก ผู้ป่วยต้องระวังไม่ไปรับสารพิษเพิ่ม และดื่มน้ำบ่อยๆ เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำเยอะ
ส่วนอีกระดับหนึ่งจะรุนแรง เรียกว่า Inflammatory type อันเป็นกลไกหนึ่งที่มีอาการปวดท้องมาก ร่วมกับการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย อาจมีอาการรุนแรงเนื่องจากมีเชื้อโรคเข้าไปทำลายประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้ในที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคอาการเป็นพิษ ทุกคนจะต้องใส่ใจสุขภาวะของอาหาร และน้ำดื่ม ตลอดจนรักษาความสะอาดอื่นๆ ทั้งล้างมือให้สะอาด รักษาความสะอาดของภาชนะจาน ชาม เป็นต้น ทั้งนี้ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุก สะอาด วัตถุดิบที่เป็นของสดจะต้องสดใหม่ และหากไม่แน่ใจว่าเสียหรือมีเชื้อราขึ้นหรือไม่ ให้รีบทิ้งไปทันที อย่านำกลับมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะหากเจอเชื้อโรคที่รุนแรง อาจทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นโรคที่น่ากลัวกว่าที่คุณคิดก็เป็นได้

หลากวิธีสร้างความสดชื่นให้ร่างกาย

หลากวิธี สร้างความสดชื่นให้ร่างกาย
การดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับภารกิจต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ตื่นนอนอย่างงัวเงีย เดินทางไปเรียนหรือไปทำงาน ความกดดันจากหน้าที่ที่รับผิดชอบ ความเครียดจากสังคมโดยรอบ และความอ่อนล้าจากการใช้ชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่บั่นทอนพลังชีวิตของพวกเราให้อ่อนเปลี้ย เพลียแรง ไม่สดใส เพื่อเรียกคืนความสดชื่นให้กลับคืนมา วันนี้ผมมีวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลเป็นอย่างดียิ่งมาฝากกันครับ
เริ่มจากอาหาร ควรรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 แก้ว หรือมากกว่านั้น เพราะในผักและผลไม้มีน้ำตาลฟลุ๊กโตสที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ในทันที ตลอดจนยังอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปทั้งการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้เซลล์และอวัยวะในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และช่วยในการขับของเสียได้อีกด้วย
จากนั้นคือการออกกำลังกาย เป็นที่ทราบกันดีว่าการออกกำลังกายถือเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น ทุกๆ ครั้งที่ออกกำลังกาย ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาอีกด้วย จึงไม่แปลกที่เวลาเหงื่ออออกนิดๆ จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสดชื่นได้ เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อน ฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยธรรมชาติอย่างเต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า มนุษย์ควรได้รับนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง หรือหากทำไม่ได้ ควรจะหลับลึกให้ได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก็พอจะช่วยได้ครับ
นอกจากนี้ การรู้จักปล่อยวาง มองโลกในแง่ดี ยิ้มรับกับทุกวิกฤติปัญหา ก็ถือเป็นวิธีการสร้างความสดชื่นอีกวิธีการหนึ่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราสดชื่น สดใสเท่านั้น หากแต่ยังให้ผู้ที่พบเห็นพลอยสดชื่นตามเราไปด้วย

10 วิธีฝึกตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

1. ตามอ่านอะไรที่เราสนใจ
ตอนเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ เพราะโดนครูบังคับให้อ่านเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ลองเริ่มอ่านเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน กีฬา ดนตรี ข่าวซุบซิบดาราฝรั่ง หรือมุมขำๆในหนังสือพิมพ์ จำไว้เลยว่าไม่มีอะไรไร้สาระ เพราะเรากำลังเรียนรู้อยู่
2. ฟังวิทยุให้ชิน
การฟังวิทยุนั้นจะช่วยให้เราได้ฟังทั้งเสียงคนพูด รวมถึงเสียงร้องเพลง เป็นการฝึกหูในชินกับภาษาในหลายๆรูปแบบอีกวิธีหนึ่งด้วย
best-way-to-practice-english4
3. ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นภาษาไทย
การฝึกภาษาอังกฤษให้เข้าใจนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องอ่านหรือฟังแล้วแปลเป็นภาษาไทย อาจจะสงสัยว่าไม่แปลเป็นไทยแล้วจะเข้ะาใจยังไง การไม่พยายามแปลเป็นไทยจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
4. แปะกระดาษโน้ตบนสิ่งของต่างๆ
วิธีนี้จะเหมือนการเอาข้าศึกมาล้อมเมือง การแปะชื่อสิ่งของต่างๆที่เราใช้เป็นภาษาอังกฤษ ช่วยทำให้ชีวิตได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้มากขึ้น และเป็นการฝึกอ่านฝึกความเข้าใจไปในตัวด้วย
best-way-to-practice-english5
5. ดูทีวีและภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
การดูภาพ ฟังเสียง และอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยไปพร้อมๆกัน ช่วยฝึกประสาทการรับรู้ในหลายๆช่องทาง ซึ่งต่อไปก็สามารถเปลี่ยนจากซับไทย เป็นซับอังกฤษ ไปจนถึงขั้นปิดซับได้ในท้ายที่สุด
6. เล่นเกมที่ใช้คำภาษาอังกฤษบ่อยๆ
สมัยนี้มีเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน เราจึงสามารถหาแอพพลิเคชั่นเกมภาษาอังกฤษ เช่น Crosswords มาเล่นแก้เบื่อในยามว่างได้ ทีนี้ก็ลองเปลี่ยนจากแชทไลน์มาเป็นเล่นเกมแนวนี้แทน จะช่วยพัฒนาได้อีกทาง
best-way-to-practice-english2
7. ใช้คำต่างๆเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีนี้หลายคนอาจจะมองดูว่ากระแดะหรือเปล่า? จริงๆแล้วเป็นเพียงการใช้คำให้ถูกกับภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยพยายามพูดอังกฤษบ่อยๆในศัพท์ที่ใช้ได้ เช่นเปลี่ยนคำว่ามือถือ เป็น Smart Phone เปลี่ยนคำว่า นาฬิกาปลุก เป็น Alarm เป็นต้น
8. ทำลิสต์ต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนนี้อาจจะลำบากในตอนแรก แต่ถ้าเราลองลิสต์ต่างๆให้เป็นอังกฤษจะช่วยเราให้คุ้นเคยได้มากขึ้น อย่างเช่น ลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำพรุ่งนี้ ลิสต์ตารางไปเที่ยวพักผ่อน หรือลิสต์ของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน ให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
best-way-to-practice-english3
9. ลงทุนซื้อ Dictionary ดีๆสักเล่ม
นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพัฒนาภาษาไปได้ดีกว่า (สำหรับคนทุนน้อยจริงๆ ข้อนี้อาจจะข้ามไปได้บ้าง)
10. เราชอบอะไร ทำสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ความชอบ ความรัก มันทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้อย่างมีความสุขและไม่น่าเบื่อ ถ้าชอบทำอาหาร ก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าชอบเล่นกีฬาหรือดนตรี ก็ดาวน์โหลดวิดีโอการฝึกซ้อมแบบภาษาอังกฤษมาดู ถ้าชอบเล่นเกมก็ฝึกอ่านคู่มือเกมภาษาอังกฤษ เราก็จะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ

บัตรประชาชนของแต่ละประเทศทั่วโลก



Egypt

Zimbabwe

Bangladesh

China

Hong Kong

India

Indonesia

Japan

Malaysia

Myanmar

Singapore

Taiwan

Thailand

Vietnam

Belgium
Finland
France
Germany
Hungary
Poland
Romania
United Kingdom
Russia

Canada

United States

Australia

Brazil